การทำสีรถยนต์มีกี่ประเภท ?

เชื่อเลยว่าหลายๆ ท่าน ที่ขับรถใช้ถนนกันมานมนานหลายปี ต้องยังไม่เคยรู้แน่ๆ เลยว่า การทำสีรถยนต์นั้นมีกี่ประเภท และแต่ละประเภทเป็นสีแบบไหน มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ฉะนั้น บทความนี้เราจึงได้รวบรวมการทำสีประเภทต่างๆ ของรถยนต์มาฝากกัน รวมถึงข้อดี ข้อเสียของแต่ละประเภทด้วย เอาเป็นว่าอย่ามัวเสียเวลา เราไปหาคำตอบนั้นกันเลยดีกว่า 

การทำสีรถยนต์มีกี่ประเภท ? 

  • การทำสีรถยนต์ประเภทแรก คือ สีมาตรฐาน 

สีรถยนต์มาตรฐาน คือ สีที่ออกมาจากโรงงาน หรือที่นิยมเรียกกันว่าสี OEM รถยนต์ส่วนใหญ่จะใช้สีรูปแบบนี้ ซึ่งข้อดีของประเภทสีนี้ คือ ผลิตมาจำนวนมาก สามารถหาซื้อได้ง่าย มีราคาไม่แพง ไม่ต้องดูแลรักษาเยอะ แค่หมั่นล้างรถเป็นประจำก็พอ แถมการซ่อมหรือปรับปรุงสีรถก็สามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้เงินเยอะ จุดเดียวที่ผู้ใช้รถบางคนอาจไม่ชอบ คือ สีแบบนี้มีความเรียบง่ายเกินไปนั่นเอง 

  • การทำสีรถยนต์ประเภทที่ 2 คือ สีแบบเมทัลลิค 

สีแบบเมทัลลิคมีความเงางามสูง ให้ภาพลักษณ์เรียบหรู แบบเดียวกับรถสปอร์ต หรือรถซูเปอร์คาร์ มีให้เลือกหลายเฉดสี โดยความเงางามในเนื้อสีได้มาจากผงอลูมิเนียมที่ผสมเข้าไป สามารถสะท้อนแสงได้ เปล่งประกายเป็นพิเศษในช่วงกลางวัน และแม้จะเป็นยามค่ำที่แสงน้อย ส่วนข้อเสีย คือ สีแบบเมทัลลิคต้องการการดูแลรักษามากกว่าสีมาตรฐานมากเลยทีเดียว 

  • การทำสีรถยนต์ประเภทที่ 3 คือ สีมุก  

สีมุก เป็นสีรถยนต์ที่มีความสว่าง เงางามมากกว่าสีเมทัลลิค ซึ่งความพิเศษของสีมุกนี้ คือ เมื่ออยู่ใต้แสงแดดอาจจะให้เฉดสีที่แตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ดู ส่วนข้อเสียของสีมุก คือ มีราคาสูง ต้องการการดูแลรักษาเป็นพิเศษ และสังเกตเห็นคราบหรือรอยสกปรกต่างๆ ได้ง่ายกว่าสีเมทัลลิคอีกเป็นเท่าตัว  

  • การทำสีรถยนต์ประเภทที่ 4 คือ สีด้าน  

สีด้านจะไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก เพราะมีราคาค่าทำสี และค่าบำรุงรักษาสูง และต้องทำความสะอาดบ่อย เพราะหากมีมูลนกเกาะแค่เพียงนิดเดียว กรดในมูลนกสามารถกัดกร่อนเข้าเนื้อสีชนิดนี้ได้เลยทันที 

แต่คุณไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะไม่ว่ารถคุณจะทำสีประเภทไหนมา ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ก็ครอบคลุมหมด ฉะนั้นจะรอช้าอยู่ไย รีบพุ่งตัวออกไปซื้อประกันชั้น 1 กันเลย ต่อประกันรถยนต์ ที่ไหนดี สามารถหาดูหรือเปรียบเทียบตารางราคาก่อนซื้อเพื่อความคุ้มค่า ท้ายนี้ หากคุณมองว่าประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นั้นมีเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1ที่แพง เราขอบอกเลยว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่คุณจ่ายเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1ไปนั้นคุ้มค่าแน่นอน เพราะการจ่ายเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1ที่แพง แต่ก็นำมาซึ่งการคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกปัญหาเลย